จากเหตุไฟไหม้ป่าที่อินโดนีเซีย ทำให้เกิดควันไฟจำนวนมาก ซึ่งปกคลุมไปถึงประเทศมาเลเซีย และล่าสุดสำนักงานการศึกษาแห่งชาติ (The State Education Department) ประจำรัฐซาราวักของมาเลเซีย ก็ได้ประกาศปิดโรงเรียนหลายร้อยแห่งในรัฐ หลังจากตรวจพบคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ลง
คำสั่งปิดนี้ครอบคลุมโรงเรียนประถมจำนวน 347 แห่งและโรงเรียนมัธยมจำนวน 62 แห่งจากทั้งหมด 9 รัฐ ซึ่งรวมแล้วมีนักเรียนทั้งหมดมากกว่า 150,000 คน
ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมของประเทศระบุว่า คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ของรัฐแห่งนี้ขณะนี้ถูกจัดอยู่ในระดับ ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’ แล้ว โดยมีค่าดัชนีมลพิษทางอากาศอยู่ระหว่าง 120 และ 186 คะแนน ซึ่งทางประเทศมาเลเซียนั้น ใช้เกณฑ์ของดัชนีวัดมลพิษในอากาศ (API) ที่ระบุว่า หากค่าดัชนี 0-5 หมายถึง “ดี” 51-100 หมายถึง “ปานกลาง” 101-200 หมายถึง “ไม่ดีต่อสุขภาพ” 201-300 หมายถึง “ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง” ส่วน 301 ขึ้นไปหมายถึง “เป็นอันตราย” ซึ่งโรงเรียนต่างๆ จะถูกปิดทันทีหากการค่าดังกล่าวสูงกว่า 200
นอกจากนี้ บางพื้นที่ของคาบสมุทรมาเลเซีย ยังตรวจพบค่ามลพิษอยู่ระหว่าง 102-195 โดยพื้นที่ที่มีมลพิษเลวร้ายที่สุดคือเขตรอมปิน (Rompin) ในรัฐปะหัง ขณะที่กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของประเทศวัดค่าได้ที่ 158
ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพลังงาน เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม ของประเทศมาเลเซีย ยืนยันว่า สาเหตุของหมอกควันนี้เกิดจากไฟป่าในภูมิภาค รวมถึงไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียด้วย โดยโยบียิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม ได้เสนอว่าจะเข้าช่วยเหลืออินโดนีเซียในการดับไฟป่า และย้ำว่าจะต้องทำอย่างเร่งด่วน
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็พยายามดับไฟในพื้นที่ดินพรุ ตำบลเสียกฮูลู จังหวัดรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย โดยรัฐบาลอินโดนีเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานภัยพิบัติเกือบ 10,000 คนและเครื่องบิน 37 ลำไปยังพื้นที่ดังกล่าว โดยไฟป่านี้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (10 ก.ย.) มีเหตุแก๊สพิษรั่วไหลที่โรงงานแปรรูปอาหารทะเลในเมืองยองด็อก จังหวัดคย็องบก ทางตะวันออกของ ประเทศเกาหลีใต้ซึ่งคร่าชีวิตแรงงานไป 4 คนเป็นคนไทย 3 คนและเวียดนามอีก 1 คน
แรงงานไทยทั้ง 3 คนได้แก่ นายทองมี วัย 34 ปี ซึ่งเสียชีวิตขณะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 2 ราย คือ นายนาทอง วัย 28 ปี และนายนิคม วัย 42 ปีเสียชีวิตในที้เกิดเหตุ ทั้งหมดอาศัยและทำงานอยู่ในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมายเพราะวีซ่าทำงานหมดอายุแล้ว ทางตำรวจเผยว่า เหตุสลดครั้งนี้ เกิดขึ้นที่บ่อทิ้งของเสียจากการแปรรูปปลาและปลาหมึก ซึ่งลึกกว่า 3 เมตร และเจ้าหน้าที่ต้องเข้าปฏิบัติงานด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกันเพราะบริเวณดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า คนงาน 3 คนนั้น เสียชีวิตอยู่ในบ่อเพราะขาดอากาศหายใจจากการสูดดมแก๊สพิษ ส่วนคนงานอีกคนที่รอดชีวิตมีอาการสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
รวบวัยรุ่น แก๊งริมคลอง2499 จี้ปล้นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมกลุ่มเยาวชนอายุ 14-15 ปีจำนวน 4 คน ที่ใช้มีดง้าวเข้าจี้และพยายามทำร้ายชายหนุ่มช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อปล้นทรัพย์ พร้อมด้วยของกลางเป็นมีดง้าว 3 ด้าม มีดทำครัวจำนวน 1 เล่ม เหล็กปลายแหลม จำนวน 1 ด้าม เหล็กทรงกลมแสตนเลตปลายแหลม จำนวน 1 ด้าม
นอกจากนั้นยังมี รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม ซุปเปอร์คัพ สีชมพู-เหลือง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีดำ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีเทา เสื้อยืดสีดำจำนวน 2 ตัว กางเกงยีนส์ขายาว จำนวน 1 ตัว หมวกกันน็อกสีดำ จำนวน 2 ใบ
กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ถูกจับได้ที่บริเวณถนนริมคลองและถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ช่วงเวลาประมาณ 01.25 น. ของวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยตำรวจระบุว่า มีการแจ้งเหตุปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดง้าวไปที่ศูนย์ผ่านฟ้า โดยเหตุเกิดที่บริเวณลานจอดรถสวนสาธารณะถนนพุทธมณฑลสาย 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 3 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและหาตัวผู้ต้องสงสัยจนกระทั่งเจอวัยรุ่นทั้ง 4 คนซึ่งแต่งกายและใช้รถจักรยานยนต์ตามที่ผู้เสียหายแจ้ง นั่งรวมกันอยู่ที่ใกล้จุดเกิดเหตุ
เมื่อจะลงไปตรวจค้น ทั้งสี่คนก็วิ่งหนี และทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ 2 คัน เจ้าหน้าที่จึงได้ปิดล้อมพื้นที่จนได้อาวุธก่อเหตุดังกล่าว และได้ติดตามจับกุมจนได้ตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และทุกคนสารภาพว่าก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
ด้านผู้เสียหายคือ นายนพกรณ์ ชูช่วย อายุ 32 ปี พนักงานซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า กล่าวว่า ตนเพิ่งเลิกงานและกำลังจะขับรถกลับไปเยี่ยมแม่ที่หาดใหญ่ แต่เพราะล้าจากการทำงานจึงง่วง และเมื่อมาถึงสวนหย่อมใต้ทางข้ามถ.พุทธมณฑลสาย 2 จึงตัดสินใจจอดรถนอนพัก ซึ่งเป็จุดที่มีไฟส่องสว่างชัดเจน จึงคิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุขึ้น